ความร่วมมือที่สำคัญของอาเซียน

ความร่วมมือด้านพลังงานในอาเซียน

อาเซียนเริ่มจัดการประชุม รัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน (ASEAN Ministers on Energy Meeting – AMEM) ครั้งแรกในปี 2525 โดยเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางพลังงานเพื่อรองรับการขยายตัว ทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยการสร้างเครือข่ายด้านพลังงานในระดับภูมิภาคที่อาศัยจุดแข็งและศักยภาพ ของแต่ละประเทศในอาเซียนที่มีแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตลอดจนพลังงานทดแทน ในรูปแบบต่างๆ ความร่วมมือด้านพลังงานที่สำคัญในอาเซียน ได้แก่

1. โครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน อาเซียนได้ลงนาม Memorandum of Understanding on the ASEAN Power Grid ปี 2550 เพื่อเป็นแนวทางในการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้าและการซื้อขายไฟฟ้าใน อาเซียน ปัจจุบันมีโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้าที่ก่อสร้างเสร็จและ ดำเนินการแล้ว 3 โครงการ กำลังก่อสร้างอยู่ 3 โครงการ และกำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาอีก 9 โครงการ โดยในส่วนของไทยมีอยู่ 4 โครงการ

2. โครงการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน อาเซียนได้ลงนาม Memorandum of Understanding on the Trans-ASEAN Gas Pipeline (TAGP) ปี 2545 เพื่อเป็นแนวทางในการก่อสร้างระบบเครือข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติเชื่อมโยงกัน ระหว่างประเทศสมาชิก รวมถึงส่งเสริมการค้าก๊าซธรรมชาติอย่างเสรีผ่านระบบเครือข่ายท่อก๊าซระหว่าง ประเทศสมาชิก ปัจจุบันอาเซียนมีการเชื่อมโยงโครงข่ายท่อก๊าซธรรมชาติในอาเซียน 8 โครงการ รวมระยะทาง 2,300 กม. และมีแผนการที่จะก่อสร้างเพิ่มเติมอีก 7 โครงการในอนาคต โดยแหล่งก๊าซนาทูน่าตะวันออกของอินโดนีเซียจะเป็นแหล่งก๊าซหลักที่จะ สนับสนุนโครงการท่อก๊าซในอาเซียน โดยในส่วนของไทยมีอยู่ 5 โครงการ

3. การจัดทำASEAN Plan of Action for Energy Cooperation (APAEC) อาเซียนมี
แผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานมาแล้วรวม 2 ฉบับ คือ APAEC ปี 2542-2547 และปี 2547-2552 มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมความมั่นคงและความยั่งยืนในการจัดหาพลังงาน มีการใช้ทรัพยากรพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันไทยเป็นประธานยกร่าง APAEC ปี 2553-2558 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงานและการพัฒนาที่ ยั่งยืนของอาเซียนสนับสนุนการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

4. ศูนย์พลังงานอาเซียน (ASEAN Centre of Energy) อาเซียนได้จัดตั้งศูนย์พลังงานอาเซียนในปี 2539 โดยยกฐานะ “ศูนย์ฝึกอบรม เพื่อการจัดการและวิจัยพลังงานอาเซียน-ประชาคมยุโรป (ASEAN-EU Energy Management Training and Research Centre)” ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2531 เป็นศูนย์พลังงานอาเซียน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา และดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับการศึกษาวิเคราะห์ รวบรวม ข้อมูล จัดฝึกอบรม ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานอาเซียนคนปัจจุบันคือ นาย Nguyen Manh Hung ชาวเวียดนาม

5. ความตกลงด้านพลังงานที่สำคัญ
ความตกลงว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียมของอาเซียน (ASEAN Petroleum Security Agreement: APSA) เป็นความตกลงฉบับปรับปรุงจากความตกลงฉบับเดิม ซึ่งได้ลงนามมาตั้งแต่ปี 2529 APSAเป็นกลไกในการแบ่งปันปิโตรเลียมในภาวะฉุกเฉินสำหรับน้ำมันดิบและหรือ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในเวลาหรือสถานการณ์ทั้งที่มีการขาดแคลนและมีอุปทานมาก เกินไป

ความร่วมมือด้านความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน

ความเป็นมา

ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ 30 เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2551 ณ ประเทศเวียดนาม ได้มีมติเห็นชอบแผนนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียนและแผน กลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน ค.ศ. 2009-2013 (ASEAN Integrated Food Security (AIFS) Framework and Strategic Plan of Action on Food Security in the ASEAN Region (SPA-FS) 2009 – 2013) ซึ่งที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 1 มีนาคม 2552 ก็ได้ให้การรับรองเอกสารนี้เพื่อดำเนินการตามแผนงานต่อไป

สรุปสาระสำคัญของแผน

เป้าหมาย เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านอาหาร และยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกร
วัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มผลผลิตด้านอาหาร ลดการสูญเสียภายหลังการเก็บเกี่ยว ส่งเสริมการเข้าถึงตลาด การค้าสินค้าเกษตรและ
ปัจจัยการผลิต ให้เกิดเสถียรภาพด้านราคา และบรรเทาความขาดแคลนอาหารในกรณีฉุกเฉิน
ขอบเขต ครอบคลุมเฉพาะ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง น้ำตาล และมันสำปะหลัง
ระยะเวลา 5 ปี (ค.ศ.2009-2013)
องค์ประกอบ กลยุทธ์และแผนงาน

องค์ประกอบ กลยุทธ์ แผนงาน
1. ความมั่นคงอาหารและการบรรเทากรณีฉุกเฉิน/ขาดแคลน1. สร้างความเข้มแข็งในการจัดการด้านความมั่นคงอาหาร– สร้างความเข้มแข็งด้านความมั่นคงอาหาร – พัฒนากลไกและความริเริ่มการสำรองอาหาร
2. การพัฒนาการค้าอย่างยั่งยืน2. ส่งเสริมตลาดและการค้าสินค้า– สนับสนุนการค้าอาหารอย่างยั่งยืน
3. บูรณาการระบบข้อมูลสารสนเทศด้านความมั่นคงอาหาร3. การบูรณาการระบบข้อมูลสารสนเทศ– ส่งเสริมให้โครงการระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อความมั่นคงด้านอาหารอาเซียน (AFSIS) เป็นกลไกในระยะยาว
4. นวัตกรรมด้านการเกษตร4. ส่งเสริมการผลิตอย่างยั่งยืน
5. กระตุ้นการลงทุนด้านอาหารและอุตสาหกรรมเกษตร
6. จำแนกและแก้ไขประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงอาหาร
– พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร
– การใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ
– งานวิจัยและพัฒนา
– ความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยี
– การพัฒนาอาหารและอุตสาหกรรมเกษตร
– แก้ไขปัญหาการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ
– แก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

กลไกการดำเนินงานและแหล่งเงินทุน

คณะทำงานรายสาขาภายใต้รัฐมนตรี อาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) และเป็นการร่วมลงทุนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน คู่เจรจา และองค์กรระหว่างประเทศ

โครงการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน

วิสัยทัศน์อาเซียน 2020 (ASEAN Vision 2020) ได้เรียกร้องให้อาเซียนมีความร่วมมือเพื่อที่จะดำเนินการเชื่อมโยงพลังงาน ไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ โดยการพัฒนาโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Gird) และโครงการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน (Trans-ASEAN Gas Pipeline) พร้อมกับ ส่งเสริมความร่วมมือด้านประสิทธิภาพพลังงาน การอนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งการพัฒนาแหล่งพลังงานใหม่ และพลังงานทดแทน โดยอาเซียนได้มอบหมายให้คณะมนตรีอาเซียนว่าด้วยปิโตรเลียม (ASEAN Council on Petroleum : ASCOPE) เป็นกลไกหลักในการดำเนินโครงการ

ASCOPE ได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเกี่ยวกับโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ อาเซียน (Task Force on ASEAN Gas Pipeline) และได้จัดทำแผนแม่บทโครงการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน โดยปรับปรุงจากแผนแม่บทเพื่อการพัฒนา และการใช้ก๊าซธรรมชาติในภูมิภาคอาเซียน ปี 2539

ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 20 ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2545 อาเซียนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจโครงการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติ อาเซียน Memorandum of Understanding (MoU) on the Trans-ASEAN Gas Pipeline (TAGP) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบการทำงานอย่างกว้าง ๆ สำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนในการประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินโครงการให้ สัมฤทธิ์ผล และเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของภูมิภาคอาเซียน

ปัจจุบันอาเซียนมีการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซ ธรรมชาติในระดับทวิภาคีรวม 8 โครงการ ระยะทางรวม 2,319 กม. และมีแผนการที่จะก่อสร้างเพิ่มเติมอีก 7 โครงการในอนาคต โดยแหล่งก๊าซ นาทูน่าตะวันออกของอินโดนีเซียจะเป็นแหล่งก๊าซหลักที่จะสนับสนุนโครงการท่อ ก๊าซในอาเซีย

โครงการระยะทาง (กม.)หมายเหตุ
1.  โครงการที่สร้างเสร็จแล้ว  
Malaysia – Singapore5สร้างเสร็จในปี 2534
Yanada, Myanmar – Ratchaburi, Thailand470สร้างเสร็จในปี 2542
Yetagun, Myanmar – Ratchaburi, Thailand340สร้างเสร็จในปี 2543
W.Natuna, Indonesia – Singapore660สร้างเสร็จในปี 2544
W.Natuna, Indonesia – Duyong, Malaysia100สร้างเสร็จในปี 2544
S.Sumatera, Indonesia – Singapore470สร้างเสร็จในปี 2546
Malaysia – Thailand (JDA)270สร้างเสร็จในปี 2548
Malaysia – Singapore4สร้างเสร็จในปี 2549
2. โครงการใหม่ที่เสนอในแผนแม่บท  
Duri, Indonesia – Melaka, Malaysia200 
W.Natuna, Indonesia – Duyong, Malaysia100 
E.Natuna, Indonesia – Erawan, Thailand975 
E.Natuna, Indonesia – Kerteh, Malaysia480 
E.Natuna, Indonesia – Singapore720 
E.Natuna, Indonesia – Sabah, Malaysia – Palawan – Luzon, Philippines1540 
Malaysia – Thailand (JDA-Block B)140 
Pauh, Malaysia – Arun, Sumatera, Indonesia365 

ระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อความมั่นคงทางด้านอาหารอาเซียน

ระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อความมั่นคงทางด้าน อาหารอาเซียนได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2546 และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประเทศสมาชิกอาเซียนรวมทั้งประเทศ ญี่ปุ่น จนทำให้เกิดบูรณาการของระบบข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคงอาหารในระดับภูมิภาค

วัตถุประสงค์ของระบบข้อมูลสารสนเทศนี้ก่อ ตั้งขึ้นเพื่อทำให้ประเทศสมาชิกสามารถพัฒนาระบบสารสนเทศการเกษตรในภูมิภาค อาเซียนซึ่งการจัดทำระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่าง สะดวกนั้นจำเป็นต้องมีข้อมูลที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่ถูกต้องครบถ้วน ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนและจัดทำ นโยบาย รวมทั้งติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ด้านความมั่นคงทางด้านอาหารในภูมิภาค อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยป้องกันการเกิดปัญหาการขาดแคลนอาหาร หรือการผลิตเกินความต้องการ อีกทั้งยังเอื้อประโยชน์ต่อการสร้างระบบเตือนภัย เช่นการเกิดโรคระบาด ภาวะตกต่ำของราคาสินค้า เป็นต้น

ประเทศไทยโดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งได้รับมอบหมายจากอาเซียนให้เป็นผู้จัดการโครงการนี้ได้จัดทำข้อมูลและ เป็นศูนย์กลางข้อมูลการเกษตรของกลุ่มประเทศอาเซียนโดยแต่ละประเทศจะจัดส่ง ข้อมูลมายังฐานข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งจะทำการรวบรวม วิเคราะห์ และเผยแพร่ผ่าน Website “afsis.oae.go.th” โดยข้อมูลประกอบด้วยการผลิต ราคา การนำเข้าและการส่งออกสินค้าเกษตร 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และอ้อยโรงงาน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลประชากร แรงงาน ข้อมูลด้านการผลิต เช่น เนื้อที่เพาะปลูก เนื้อที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต ผลผลิตต่อไร่ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจการเกษตร เช่น ราคา บัญชีสมดุล รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับประชากร แรงงาน และ การใช้ที่ดิน เป็นต้น

จากความร่วมมือดังกล่าวทำให้ประเทศอาเซียน มีข้อมูลที่สำคัญยิ่งของภูมิภาคอาเซียน ที่ยังไม่เคยมีมาก่อนซึ่งจะช่วยเร่งผลักดันให้ประเทศสมาชิกมีความสามารถใน การจัดทำข้อมูลรวมทั้งมีระบบเครือข่ายหรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทำให้ สามารถมีข้อมูลเตือนภัย(Early Warning Information) และพยากรณ์สินค้าเกษตรในภูมิภาคอาเซียน (Commodity Outlook Report) เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนในการกำหนดนโยบายและการวางแผนทั้งด้านการผลิตและการ ตลาดให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน และคาดว่า จากการดำเนินงานดังกล่าว จะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้นำและศูนย์กลางด้านข้อมูล การเกษตรของภูมิภาคอาเซียนต่อไป

โครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน

ประเทศสมาชิกอาเซียนมีนโยบายร่วมกันที่จะ พัฒนาและเชื่อมโยงโครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) เพื่อส่งเสริมความมั่นคงของการจ่ายไฟฟ้าของภูมิภาคและส่งเสริมให้มีการซื้อ ขายพลังงานไฟฟ้าระหว่างประเทศ เพื่อลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าโดยรวม ในการดำเนินการตามนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม อาเซียนได้มอบหมายให้ผู้บริหารสูงสุดการไฟฟ้าของกลุ่มประเทศอาเซียน (Head of ASEAN Power Utilities/Authorities : HAPUA) มีหน้าที่รับผิดชอบในการผลักดันให้เกิดโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าอาเซียน

ที่ประชุมรัฐมนตรีด้านพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 21 ณ เมืองลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2546 ได้ให้ความเห็นชอบแผนแม่บทการเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Interconnection Master Plan Study: AIMS) ที่ HAPUA ได้จัดทำขึ้น เพื่อเป็นเอกสารอ้างอิงเพื่อใช้ในการดำเนินงานให้เกิดโครงการเชื่อมโยงระบบ สายส่งไฟฟ้าต่าง ๆ ในอาเซียน

ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 25 ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยเรื่อง โครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (Memorandum of Understanding on the ASEAN Power Grid) เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2550 เพื่อเป็นกรอบในการกำหนดนโยบายร่วมของภูมิภาคในการผลักดันให้การเชื่อมโยง ระบบสายส่งไฟฟ้าและการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเกิดขึ้นเป็น รูปธรรม

HAPUA ตั้งเป้าว่าจะดำเนินการก่อสร้างโครงการเชื่อมโยงระบบส่งไฟฟ้าอาเซียนทั้ง 15 โครงการให้แล้วเสร็จภายในปี 2558

สถานะการดำเนินโครงการ

โครงการเชื่อมโยงระบบส่งไฟฟ้าสถานะ
1. Peninsular Malaysia – Singapore ก่อสร้างเสร็จและดำเนินการส่งกระแสไฟฟ้าแล้วตั้งแต่ปี 2528
2. Thailand – Peninsular Malaysia ก่อสร้างเสร็จและดำเนินการส่งกระแสไฟฟ้าแล้วตั้งแต่ปี 2544
3. Thailand – Cambodia ก่อสร้างเสร็จและดำเนินการส่งกระแสไฟฟ้าแล้วตั้งแต่ปี 2550
4. Thailand – Lao PDR กำลังดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2552/ 2553
5. Vietnam – Cambodia กำลังดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2553
6. Lao PDR – Cambodia ลงนามสัญญาก่อสร้างแล้ว
7. Sumatra – Peninsular Malaysia อยู่ในขั้นตอนการเจรจาหรือศึกษาความเป็นไปได้
8. Batam – Bintan – Singapore อยู่ในขั้นตอนการเจรจาหรือศึกษาความเป็นไปได้
9. Sarawak – West Kalimantan อยู่ในขั้นตอนการเจรจาหรือศึกษาความเป็นไปได้
10. Philippines – Sabah อยู่ในขั้นตอนการเจรจาหรือศึกษาความเป็นไปได้
11. Sarawak – Sabah – Brunei อยู่ในขั้นตอนการเจรจาหรือศึกษาความเป็นไปได้
12. Sarawak – Peninsular Malaysia อยู่ในขั้นตอนการเจรจาหรือศึกษาความเป็นไปได้
13. Thailand – Myanmar อยู่ในขั้นตอนการเจรจาหรือศึกษาความเป็นไปได้
14. Lao PDR – Vietnam อยู่ในขั้นตอนการเจรจาหรือศึกษาความเป็นไปได้
15. Sabah – East Kalimantan เป็นโครงการเพิ่มเติม และอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้

โครงการถนนอาเซียน

การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งของอาเซียน (ASEAN Transport Minister Meeting-ATM) ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2540 มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของฝ่ายไทยที่ให้มีการกำหนดโครงข่ายทางหลวงอาเซียน เพื่อรองรับการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงข่ายทางหลวงของประเทศสมาชิก ทั้งนี้เพื่อรองรับการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียน ขยายโอกาสและลู่ทางการค้า การไปมาหาสู่กันของประชาชนและการท่องเที่ยวโดยมีไทยเป็นศูนย์กลาง การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งของอาเซียน ครั้งที่ 3 ณ เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 2-5 กันยายน 2540 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในหลักการของโครงการทางหลวงอาเซียน และให้จัดตั้งเป็นคณะผู้เชี่ยวชาญด้านทางหลวงอาเซียนโดยมีขอบข่ายการดำเนิน งาน 4 ประการ ดังนี้

  1. จัดทำโครงข่ายทางหลวงอาเซียน
  2. จัดทำมาตรฐานทางหลวงอาเซียนให้เป็นแบบเดียวกัน ทั้งนี้ให้รวมถึงป้ายจราจร สัญญาณ ระบบหมายเลขทางหลวง เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับความร่วมมือในการวางแผนและพัฒนาระบบโครงข่ายทางหลวง อาเซียน
  3. กำหนดเส้นทางสำหรับการขนส่งระหว่างประเทศ และอำนวยความสะดวกในการขนส่งผ่านแดน รวมทั้ง กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการขนส่งผ่านแดน
  4. จัดทำแผนพัฒนาทางหลวงอาเซียนเพื่อแสวงหาการสนับสนุนด้าน เงินลงทุนจากองค์กรที่ ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนา (Official Development Assistance-ODA) หรือภาคเอกชน หรือจากความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน  โครงข่ายทางหลวงอาเซียนที่กำหนดมีเป้าหมายที่จะเชื่อมโยงถนนในพื้นที่ซึ่งมี ศักยภาพสูงของประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าด้วยกัน โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 23 สายทาง ระยะทาง 36,600 กิโลเมตร

ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการทางหลวงอาเซียน กำหนดเป้าหมายเป็น 3 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 ( ปี พ.ศ. 2543) กำหนดโครงข่ายและเส้นทางทางหลวงอาเซียนให้แล้วเสร็จ
ระยะที่ 2 ( ปี พ.ศ. 2547) ทางหลวงที่กำหนด เป็นเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศอาเซียนจะได้รับการปรับปรุง พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องหมายจราจรบนเส้นทางเหล่านั้นให้แล้วเสร็จ มีการก่อสร้างเสริมถนนช่วงที่ขาดตอน และเปิดดำเนินการจุดผ่านแดนทั้งหมด
ระยะที่ 3 ( ปี พ.ศ. 2563) ทางหลวงที่กำหนด เป็นเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศ จะได้รับการปรับปรุงเป็นถนนมาตรฐานชั้น 1 หรือชั้นพิเศษ แต่สำหรับเส้นทางที่มีปริมาณการจราจรต่ำและไม่เป็นโครงข่ายหลัก ยินยอมให้ก่อสร้างเป็นถนนมาตรฐานชั้น 2

โครงการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟสิงคโปร์-คุนหมิง

ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 5 ในปี 2538 ประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนได้ให้ความเห็นชอบโครงการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟ สิงคโปร์-คุนหมิง โดยลักษณะโครงการเป็นการเชื่อมโยงและปรับปรุงเส้นทางรถไฟที่มีอยู่แล้วของ ประเทศ 6 ประเทศที่ประกอบด้วย สิงคโปร์-มาเลเซีย-ไทย-กัมพูชา -เวียดนาม-จีน โดยมีการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟหลัก จากสิงคโปร์- กัวลาลัมเปอร์-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ-ปอยเปต-ศรีโสภณ-พนมเปญ-โฮจิ มินห์-ฮานอย-คุนหมิง ระยะทางรวม 5,382 ก.ม. ท้งนี้เพื่อเซื่อมการคมนาคมระหว่างอาเซียนกันเองและกับจีนทางตอนใต้ด้วย และจะเป็นทางเลือกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารอีกทางหนึ่งให้แก่ประเทศใน ภูมิภาค

โครงการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟ สิงคโปร์-คุนหมิง มีเส้นทางรถไฟช่วงที่เรียกว่า missing link ในส่วนของ 6 ประเทศรวมระยะทาง 431 ก.ม. โดยในส่วนของไทยมีเส้นทางรถไฟช่วงที่เรียกว่า missing link ระยะทาง 153 กม. ที่จะเชื่อมโยงกับพม่า (เริ่มจาก สถานีน้ำตก- บ้านแก่งปโลม-หมู่บ้านช้างภู่ทอง-ห้วยอู่ล่อง-บ้านโชคดีสุพรรณ-อำเภอ สังขละบุรี จนถึงด่านเจดีย์สามองค์)

โครงการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟ สิงคโปร์-คุนหมิง จำเป็นต้องใช้เงินทุนสนับสนุนโครงการมูลค่ากว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีบางประเทศเช่น จีน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น และองค์การระดับภูมิภาคเช่น ADB ให้การสนับสนุนในเรื่องการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ


ความร่วมมืออาเซียนด้าน SMEs

การประชุม ASEAN SME Agencies Working Group เป็นเวทีซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อให้ประเทศสมาขิกอาเซียนได้หารือกันเพื่อจัดทำ แผนการพัฒนา SMEs ในภูมิภาคอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม การประชุม ASEAN SME Agencies Working Group จะจัดให้มีขึ้น 2 ครั้งต่อ ปี  โดยการประชุมมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ประสบการณ์ระหว่างผู้นำด้านนโยบายส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมใน อาเซียน  เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านนโยบาย SMEs ภายในภูมิภาคอาเซียนและผลักดันโครงการพัฒนา SMEs ในระดับภูมิภาค

SMEs ซึ่งรวมถึงวิสาหกิจรายย่อย เป็นรากฐานทางเศรษฐกิจในอาเซียนเนื่องจาก SMEsก่อให้เกิดการจ้างงานมากที่สุดในทุกๆสาขา นอกจากนี้ SMEs ยังเป็นช่องทางให้สตรีและเยาวชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ อีกด้วย SMEs ประสบกับความท้าทายทั้งทางด้านการเงินและมิใช่การเงิน รวมถึงปัญหา การเข้าถึงแหล่งเทคโนโลยี และตลาด นอกจากนี้ SMEs ยังขาดความตระหนักในการเป็นผู้ประกอบการและทักษะทางด้านการบริหารจัดการ รวมทั้งการขาดข้อมูล การกำหนดมาตรฐานในด้านการดำเนินการต่างๆ และยังต้องยกระดับการดำเนินธุรกิจของตนให้ทันต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ขนาดใหญ่ในแง่ต่างๆ อาทิเช่น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การ Outsourcing และการใช้เครือข่ายในการดำเนินธุรกิจ

SMEs ในปัจจุบันมีความจำเป็นที่จะต้องมีความคิดสร้างสรรค์และมีนวัตกรรม เพื่อที่จะสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายในตลาดโลกได้ เนื่องจากในขณะนี้การดำเนินธุรกิจต่างๆมีการแข่งขันสูง เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ตลาดมีความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้น และผู้บริโภคมีความต้องการที่เปลี่ยนไป ดังนั้นการสร้าง Cluster ให้แก่ SMEs การสร้างเครือข่าย inter-firm networks และ การเชื่อมโยง SMEs ในอาเซียนจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ในภูมิภาคได้ ซึ่งภาครัฐในฐานะที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก และภาคเอกชนในฐานะที่เป็นผู้ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจำเป็นต้องผนึกกำลังกันใน การสร้างและส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ

ในขณะนี้มีโครงการภายใต้กรอบนโยบายการพัฒนา SME ของอาเซียนจำนวนทั้งหมด 20 โครงการ โดยมีโครงการที่สำคัญดังนี้ การสร้างเครือข่ายบริษัทการค้า SMEs ในกลุ่มประเทศอาเซียน การจัดตั้งกองทุนพัฒนา SMEs และการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งศูนย์ให้บริการครบวงจรสำหรับ SMEs ในภูมิภาค

ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน

การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 (The 14th ASEAN Summit) ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2552 ประเทศอาเซียนได้มีมติเห็นชอบที่จะให้ความสำคัญในเรื่องการส่งเสริมการเดิน ทางท่องเที่ยวภายในภูมิภาค (Intra-ASEAN Travel and Tourism) เพื่อให้เกิดการกระตุ้นทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาค

แนวทางการส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวของ อาเซียน ได้แก่ การส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับเยาวชน การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ของอาเซียน ระหว่าง ปี 2554-2558
การเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวของอาเซียน และการสร้างมาตรการจูงใจให้นัก ท่องเที่ยวที่มีสัญชาติอาเซียนเดินทางในภูมิภาคมากขึ้น  การส่งเสริมการจัด กิจกรรมท่องเที่ยวทางเรือสำหรับเยาวชน  การสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว กับ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดียและรัสเซีย โดยเน้นการกระตุ้นให้เกิดการท่อง เที่ยวระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศเครือข่ายให้มากขึ้น ทั้งนี้ ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากตลาดท่องเที่ยวอาเซียนและการสร้างจุดขายร่วม กับประเทศอาเซียนให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยขณะนี้อาเซียนได้มีการจัดทำกรอบความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา (visa exemption) ให้กับนักท่องเที่ยวอาเซียนและกำลังเจรจาจัดทำความตกลง single visa ให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่สาม

การส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงของเส้นทางท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Tourism Connectivity Corridors) จะสอดคล้องกับนโยบายการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงในระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัดของประเทศไทยและสมาชิกอาเซียน โดยแต่ละประเทศอาเซียนจะจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างกันเพื่อส่ง เสริมการเดินทางท่องเที่ยวภายในภูมิภาค (Intra-ASEAN Travel and Tourism) ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยก็ได้จัดทำโครงการ ASEAN Family Car Rally ระหว่างวันที่ 1-3 มีนาคม 2552 ที่อำเภอหาดใหญ่  จังหวัดสงขลา  และวันที่ 8-10 มีนาคม 2552 ที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อสนับสนุนนโยบายดังกล่าวของอาเซียน

เนื่องจากการท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ อาเซียนจึงสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวของเยาวชนโดยประกาศให้ปี 2552-2553 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวเยาวชน (Youth Travellers’Years 200-2010) ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยก็ได้จัดทำโครงการเพื่อสนับสนุนการเดิน ทางของเยาวชน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการยุวทูตท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Tourism Youth Ambassadors) ระหว่างวันที่ 15-24 มกราคม 2552 และโครงการฟุตบอลเยาวชนอาเซียน (ASEAN Youth Football Cup) ในเดือนมิถุนายน 2552

อาเซียนได้ร่วมหารือกันในการหาแนวทางการกระตุ้นธุรกิจการท่องเที่ยวที่กำลัง ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจของโลกอยู่ในขณะนี้ โดยพยายามฟื้นฟูการท่องเที่ยวและจัดให้มีการนำเที่ยวในรูปแบบใหม่เพื่อ ดึงดูดลูกค้า นอกจากนี้ยังได้มีการหารือกันถึงเรื่องการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว อาเซียน พ.ศ. 2554-2558  (ASEAN Tourism Strategic Plan 2011-2015) การส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงของเส้นทางท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน การจัดตั้ง ASEAN Tourism Investment Corridor และวางแผนร่วมกันในการคัดเลือกโรงแรมในประเทศอาเซียนให้ใช้ชื่อ ASEAN Green Hotel การจัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม รวมทั้งจัดฝึกอบรมภาษาให้กับมัคคุเทศก์ของ สมาชิกอาเซียนและจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในเรื่องการตลาดให้กับเจ้าหน้าที่ ด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน

ที่มา: กองอาเซียน

การวางรากฐานของอาเซียนด้วย สามเสาหลัก

ในช่วงกว่า 40 ปีที่ผ่านมา อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นบทบาทการสร้างบรรยากาศของสันติภาพและการอยู่ร่วมกันโดยสันติของ ประเทศในภูมิภาค การช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในกัมพูชา การจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน เป็นต้น

ปัจจุบันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมากทั้งในด้าน การเมือง เศรษฐกิจและสังคม ทำให้อาเซียนต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ มากมาย เช่นโรคระบาด การก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ พิบัติภัยธรรมชาติเช่น คลื่นยักษ์สึนามิ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อน ความเสี่ยงที่อาเซียนอาจจะไม่สามารถแข่งขันทางเศรษฐกิจกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ซึ่งมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด เป็นต้น อาเซียนจึงต้องปรับตัวเพื่อให้รับมือกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นให้ได้

เมื่อเดือนตุลาคม 2546 ผู้นำอาเซียนได้ร่วมลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมืออาเซียน ที่เรียกว่า ข้อตกลงบาหลี 2 เห็นชอบให้จัดตั้งประชาคมอาเซียน คือการให้อาเซียนรวมตัวเป็นชุมชนหรือประชาคมเดียวกันให้สำเร็จภายในปี 2563 แต่ต่อมาได้ตกลงร่นระยะเวลาจัดตั้งให้เสร็จในปี 2558 โดยจะเป็นประชาคมที่ประกอบด้วย 3 เสาหลักซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน คือ

  1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community: APSC) มุ่งให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีระบบแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกันได้ด้วยดี มีเสถียรภาพอย่างรอบด้าน มีกรอบความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงทั้งรูปแบบเดิมและรูป แบบใหม่ๆ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมั่นคง
  2. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community: AEC) มุ่งให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ และการอำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน อันจะทำให้ภูมิภาคมีความเจริญมั่งคั่ง และสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆ ได้ เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนในประเทศอาเซียน
  3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community: ASCC) เพื่อให้ประชาชนแต่ละประเทศอาเซียนอยู่ร่วมกันภายใต้แนวคิดสังคมที่เอื้อ อาทร มีสวัสดิการทางสังคมที่ดี และมีความมั่นคงทางสังคม

ในชั้นนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนงานการจัดตั้งประชาคม อาเซียนใน 3 เสาหลักนี้ โดยในแต่ละประชาคมจะมีกลไกที่เรียกว่า “คณะมนตรีประชาคม” ซึ่งเป็นกลไกระดับรัฐมนตรีที่มีหน้าที่กำกับดูแลและขับเคลื่อนดำเนินงานตาม แผนงานดังกล่าวต่อไป

ที่มา : AseanCorner.com

Apple เปิดตัว iPhone X

  • iPhone X อ่านว่า ไอโฟนเท็นหรือ 10 ซึ่งเป็นรุ่นที่ฉลองครบรอบ 10 ปี
  • Super Retina Display ขนาด 5.8 นิ้ว 2436 x 1125 พิกเซล 458ppi ใช้เทคโนโลยี OLED แบบใหม่ จึงสามารถลบข้อด้อยของ OLED แบบเดิม ๆ ไปได้ กินพื้นที่ด้านหน้าของ iPhone ทั้งหมด
  • ไม่มีปุ่มโฮม แต่มีปุ่มเฉพาะสำหรับเรียก Siri
  • วิธีการปลดล็อก iPhone ใช้หน้าเรียกว่า Face ID โดยใช้ TrueDepth Camera System โดยใช้ข้อมูลจากกล้องประกอบกับข้อมูลจากเซนเซอร์ต่าง ๆ จากนั้นจะใช้ neural network ในการวิเคราะห์และสร้างหน้าขึ้นมาเพื่อปลดล็อก สามารถทำงานได้แม้ในที่มืด
  • Face ID ใช้วิธีการเรียนรู้ที่หน้าตาของผู้ใช้ ดังนั้นไม่ว่าจะใส่แว่นตา เปลี่ยนทรงผม Face ID ก็สามารถจำผู้ใช้ได้ ข้อมูลหน้าผู้ใช้จะถูกเก็บไว้บนเครื่อง และประมวลผลบนเครื่องเท่านั้น ไม่ส่งเข้าเซิร์ฟเวอร์
  • Face ID สามารถใช้งานกับ Apple Pay และแอพที่รองรับได้เหมือนกับ Touch ID
  • หน้าจอรองรับมาตรฐาน HDR ทั้ง HDR10 และ Dolby Vision
  • ฟีเจอร์ใหม่ Animoji คืออีโมจิที่เคลื่อนไหวไปตามหน้าตาของผู้ใช้
  • กล้อง 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่นบนกล้องทั้งสองตัว ระบบแฟลช LED True Tone ทั้งหมด 4 ตัว
  • รองรับระบบ portrait lighting เหมือนกับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus
  • Gyroscope, Accelerometer และเซนเซอร์ใหม่ๆ เพื่อให้ใช้งานกับระบบ Augmented Reality ให้ดียิ่งขึ้น
  • กล้องหน้า TrueDepth ทำให้สามารถใช้ portrait mode และ portrait lighting ได้เหมือนกับกล้องหลัง
  • ชิพด้านในใช้ Apple A11 Bionic
  • แบตเเตอรี่สามารถใช้ได้นานกว่า iPhone 7 ถึง 2 ชั่วโมง
  • รองรับระบบชาร์จไฟไร้สายมาตรฐาน Qi
  • ที่ชาร์จไร้สายแบบใหม่ AirPower ของ Apple มีขนาดใหญ่ สามารถชาร์จ iPhone, Apple Watch, AirPods พร้อมกันได้
  • มีตัวเลือก 2 สี คือ สีดำ และ สีเงิน
  • มีตัวเลือกความจุ 2 ขนาด คือ 64GB และ 256GB
  • ราคาเริ่มต้น $999 ดอลลาร์
  • สั่งจองวันที่ 27 ต.ค.60 และเริ่มวางขายในประเทศกลุ่มแรก (ไม่รวมไทย) วันที่ 3 พ.ย.60

[รีวิว] สายการบินน้องใหม่ ไทยเวียดเจ็ทแอร์ (VietJet)

สายการบิน ไทยเวียดเจ็ทแอร์ (Thai VietJet Air) เป็นสายการบินน้องใหม่ที่ให้บริการเส้นทางภายในประเทศ เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา สายการบิน Thai VietJet เป็นสายการบินลูกของสายการบิน VietJet จากประเทศเวียดนาม

Thai VietJet ใช้ Code หรือรหัสของสายการบินขึ้นต้นด้วย VZ ใช้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินหลักในการขึ้น-ลง ปัจจุบันมีการให้บริการภายในประเทศ 3 เส้นทาง ได้แก่

  • กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – ภูเก็ต (ทุกวัน)
    • BKK ✈️ HKT
      • เที่ยวบิน VZ820 เวลา 06:05 BKK – 07:35 HKT
      • เที่ยวบิน VZ822 เวลา 11:05 BKK – 12:35 HKT
      • เที่ยวบิน VZ828 เวลา 14:10 BKK – 15:40 HKT
    • HKT ✈️ BKK
      • เที่ยวบิน VZ821 เวลา 08:20 HKT -09:50 BKK
      • เที่ยวบิน VZ823 เวลา 13:25 HKT -14:55 BKK
      • เที่ยวบิน VZ827 เวลา 22:05 HKT – 23:35 BKK
  • กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – เชียงใหม่ (ทุกวัน)
    • BKK ✈️ CNX
      • เที่ยวบิน VZ602 เวลา 07:05 BKK – 08:25 CNX
      • เที่ยวบิน VZ604 เวลา 19:20 BKK – 20:40 CNX
    • CNX ✈️ BKK
      • เที่ยวบิน VZ601 เวลา 09:00 CNX – 10:20 BKK
      • เที่ยวบิน VZ603 เวลา 21:25 CNX – 22:45 BKK
  • ภูเก็ต – เชียงราย (เสาร์, อังคาร, พฤหัส)
    • HKT ✈️ CEI
      • เที่ยวบิน VZ110 เวลา 16:10 HKT -18:15 CEI
    • CEI ✈️ HKT
      • เที่ยวบิน VZ111 เวลา 19:20 CEI -21:25 HKT

จองตั๋วโปรโมชั่น 0 บาท

ราคาสายการบินนี้ Business Model คล้ายๆ (จนเกือบเหมือน) AirAsia เลยครับ มีตั้งแต่ราคาถูกมากๆ จนราคาแอบสูงนิดหนึ่ง ที่สำคัญมีโปรโมชั่น 0 บาท เหมือน AirAsia ด้วย

โปร 0 บาท ของ VietJet มีออกมาเรื่อยๆ ครับ ต้องค่อยติดตามดูครับ แต่เวลาจองโปร 0 บาทของเจ้านี้จะไม่เหมือนเจ้าอื่นๆ คือมักจะกำหนดเวลาจองตอนเวลา 12.00 น. – 14.00 น.

vietjet_0_baht

VietJet มีช่องทางซื้อตั๋วออนไลน์ 2 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ www.vietjetair.com และแอปพลิเคชั่น VietJet Air แต่เท่าที่ผมลองใช้งานดู เข้าทางเว็บไซต์สะดวก รวดเร็วกว่า ส่วนทางแอปพลิเคชั่นค่อนข้างช้า งั้นมาเริ่มจองทางเว็บไซต์กันเลย โดยเริ่มจากเลือกต้นทาง – ปลายทาง และวันที่เดินทาง ถ้าต้องการดูตั๋วราคาถูกแบบทั้งเดือนให้คลิก  

9-11-2559-13-18-48

ถ้าคลิก  

30-9-2559-12-07-52

คลิกเลือกวันที่ต้องการเดินทาง ก็จะเข้ามายังหน้าแสดงเที่ยวบินของเส้นทางและวันที่เราเลือก ผมลองเลือกวันพฤหัสที่ 3 พฤศจิกายน ปรากฏว่ามีตั๋วราคา 0 บาทด้วยครับ จากนั้นลองคลิกเลือกเที่ยวบิน VZ820 จะเห็นว่าราคาตั๋ว 0 บาท แต่คำว่า 0 บาทนั้นเป็นราคาตั๋ว ไม่ใช่ราคาที่เราจะต้องจ่ายจริง เพราะราคาที่เราจ่ายจริงจะต้องรวมค่าธรรมเนียม 176.92 บาทและภาษี 5.38 บาท รวมเป็น 182.30 บาท

30-9-2559-12-08-36

ถัดมาก็กรอกข้อมูลรายละเอียดผู้โดยสาร ต้องใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ ให้กรอกช่องที่มีเครื่องหมายดอกจัน (*) นอกจากนั้นสามารถเว้นว่างไว้ได้ครับ

30-9-2559-12-17-58

จากนั้นให้เลือกที่นั่ง ถ้าหากเราต้องการที่นั่งที่เราชอบ ก็จะต้องเสียค่าที่นั่งเพิ่ม อัตราก็จะแล้วแต่โซน คล้ายๆ AirAsia เลือกที่นั่งไม่ฟรี ต้องเสียตังค์เพิ่มครับ แต่ถ้าไม่อยากเสียตังค์เพิ่มให้คลิกปุ่ม “ไม่ ขอบคุณ” กรณีนี้ที่นั่งจะถูกระบุหลังจากที่เราเช็คอินแล้ว ซึ่งก็ต้องลุ้นเอาว่าจะได้นั่งตรงไหน

30-9-2559-12-19-40

ขั้นตอนสุดท้าย การจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินครับ ซึ่งตอนนี้ VietJet มีช่องทางจ่ายเงินออนไลน์เพียงช่องทางเดียวครับ คือ จ่ายผ่านบัตรเครดิต ซึ่งมีค่าธรรมเนียมแพงมาก ผมถือว่านี้เป็นข้อเสียหรือข้อด้อยเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ เลยละครับ ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต 74.90 – 82.39 บาท/เที่ยว (ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร ผมใช้ VISA 82.39 บาท/เที่ยว) เมื่อเลือกประเภทของบัตร แล้วกรอกรายละเอียดของบัตรให้เรียบร้อย หลังจากนั้นจะเข้าไปยังระบบของบัตรเครดิตนั้นๆ เพื่อตัดเงินครับ

30-9-2559-12-20-17

เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ จะได้หมายเลขการสำรองที่นั่ง (Booking No.) มาแล้วครับ ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะถูกส่งไปยังอีเมลของเราที่ได้กรอกไว้ก่อนหน้านี้ด้วยครับ (ต้องกรอกอีเมลที่เราใช้งานจริงนะครับ)

30-9-2559-12-24-24

[รีวิว] บิน VietJet เส้นทาง ภูเก็ต (HKT) – กรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK)

หลังจากที่ผมได้จองตั๋วสายการบิน VietJet ไปก่อนหน้านี้ครับ วันนี้ก็ได้มีโอกาสมาลองเดินทางด้วยตนเองสักที เส้นทางที่ผมบิน จะเป็นเส้นทาง ภูเก็ต (HKT) – กรุงเทพฯ (BKK) เป็นเส้นทางที่มีเที่ยวบินของสายการบิน VietJet มากที่สุดในขณะนี้ ผมใช้บริการเที่ยวบิน VZ 821 เวลาตามตารางบินจะออกจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เวลา 08.20 น. และมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลา 09.50 น.

ผมเดินทางมาสนามบินภูเก็ตด้วยรถ Airport Bus (มาถึงค่อนข้างช้า) ถึงเวลา 07.15 น. ตอนนี้สายการบิน Thai VietJet ยังไม่สามารถเช็คอินออนไลน์ได้ ต้องมาเช็คอินที่เคาเตอร์ที่สนามบินเท่านั้น อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าสายการบินอื่น และต้องเผื่อเวลาเพื่อมาเช็คอินก่อนเวลาเครื่องออก 45 นาทีด้วย ผมเดินไปเช็คอินที่แถว 61 – 62 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (อาคารหลังเก่า) เวลาประมาณ 07.20 น.

img_1266

ขั้นตอนการเช็คอินก็เหมือนสายการบินอื่นๆ ครับ คือ ต้องมีบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง (Passport) และข้อมูลการจองตั๋วเครื่องบินที่สายการบินส่งมาทางอีเมล ตอนที่เราจองตั๋ว ถ้าไม่สะดวกพิมพ์ออกมาก็ให้ดูอีเมลในมือถือก็ได้ครับ เพราะเขาแค่ต้องการรู้หมายเลขการสำรองที่นั่ง (Booking No.)

พอได้บัตรโดยสาร (Boarding Pass) มาดู เฮ้ย! เวลาเรียกขึ้นเครื่อง (Boarding Time) 7.35 น. ใกล้ได้เวลาแล้วนี้หน่าก็เลยต้องรีบเดินไปยังประตูทางออก (Gate) 6 สายการบิน VietJet เรียกขึ้นเครื่องค่อนข้างเร็ว เรียกก่อนเวลาเครื่องออกตั้ง 45 นาที

img_1269

พอเข้ามาถึงสายการบินก็เรียกขึ้นเครื่องพอดี เป็นเที่ยวบินเช้า คนพอประมาณครับ

img_1271

บัตรโดยสารหลังจากที่ฉีกแล้ว เราจะได้ชิ้นเล็ก (สายการบินอื่นมั้งจะได้ชิ้นใหญ่)

 

img_1278

นั่นงัย! เครื่องบิน สายการบิน VietJet ใช้เครื่องบิน Airbus A320 รุ่นเดียวกับ AirAsia (แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเครื่องเดิมจากสายการบินแม่จากเวียดนาม ไม่ใช่เครื่องป้ายแดง)

img_1273

กำลังจะเดินขึ้นเครื่องแล้วครับ…

img_1282

เข้ามาแล้วครับ ภายในก็เหมือนกับเครื่องบิน Airbus A320 ของสายการบินอื่น เช่น AirAsia จะคล้ายกันมาก เพราะมีการจัดที่นั่งชั้นประหยัดเหมือนกัน

img_1286

img_1287

เบาะที่นั่ง ระยะห่างระหว่างที่นั่ง การจองที่นั่ง ก็คล้ายๆ กับ AirAsia ครับ ผมขึ้นมานั่งได้ไม่นาน ก็มีการสาธิตเรื่องความปลอดภัย ก็เหมือนกันกับสายการบินอื่นๆ เลยครับ เรื่องความปลอดภัยคิดว่าก็คงมีความปลอดภัยตามมาตรฐานความปลอดภัยการบินอยู่แล้ว จากนั้นไม่นานเครื่องก็ออกบินเลยครับ (Take off) ประมาณ 8.00 น. เร็วมาก เพราะตามเวลาในบัตรโดยสารคือ 8.20 น. ออกเร็วกว่ากำหนดตั้ง 20 นาที (คราวหน้าคงต้องเผื่อเวลาหน่อยแล้วครับ)

img_1289

 

เสียดายครับ ตอนจองตั๋วผมไม่ได้ซื้อค่าที่นั่งเพิ่ม เพราะอยากลองตั๋วโปร 0 บาท วันนี้พอมาเช็คอินก็เลยได้ที่นั่ง 7C ครับ อยู่โซนด้านหน้า แต่ริมทางเดิน ไม่ได้ติดริมกระจกหน้าต่าง ก็เลยมองเห็นวิวไม่ค่อยชัด และไม่ได้เก็บภาพมาฝาก (ไว้โอกาสหน้า)

img_1290

หลังจากเครื่องบินทะยานขึ้นแล้ว มีสัญญาณให้ปลดสายรัดเข็มขัดได้ ก็จะมีแอร์โฮสเตสมาบริการอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าที่ระลึกครับ อยากกินหรืออยากได้อะไรก็สั่งซื้อได้เลยครับ (ไม่มีของฟรีนะ) สั่งผ่านออนไลน์พร้อมกับตอนจองตั๋วหรือซื้อบนเครื่องบินเลยก็ได้ คล้ายๆ AirAsia เลยครับ

เท่าที่ดูเมนูอาหารร้อน ยังไม่เจออาหารฮาลาลครับ ส่วนหน้าเก้าอี้ที่นั่งก็มีนิตยสารให้อ่าน พอลองเปิดดูเท่านั้นแหละ มีแต่ภาษาเวียดนามครับ (อ่านไม่ออก) มีภาษาอังกฤษอยู่นิดเดียวท้ายเล่ม

img_1295

เนื่องจากเป็นเที่ยวบินเช้าที่ผมต้องออกเดินทางมาสนามบินตั้งแต่ยังไม่สว่าง ก็เลยหลับ! ครับ อิอิ ข้อดีของเที่ยวบินเช้าคือ เที่ยวบินอาจจะยังไม่ค่อยเยอะ ตอนออกจึงไม่ต้องรอเที่ยวบินอื่นมาก นั่งสักพักก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้วครับ เครื่องบินลง (Landing) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 9.10 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 10 นาที เร็วมาก! กว่าจะได้จอดก็ประมาณ 9.20 น. เร็วกกว่าเวลาที่กำหนดตั้ง 30 นาที

img_1296

img_1297

เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพครับ

img_1299

สรุป สายการบินน้องใหม่ Thai VietJet ก็คล้ายสายการบิน Low-Cost เจ้าอื่นๆ แต่จะคล้ายๆ แอร์เอเชียมากที่สุด ส่วนข้อแตกต่างคือ สายการบินนี้ขึ้น-ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ อาจจะสะดวกในการเข้าเมืองด้วยรถไฟฟ้า Airport Link

img_1298

สรุปของสรุป สายการบินไหนให้ราคาถูกกว่า ก็ใช้บริการสายการบินนั้นครับ…Dulloh

[รัฐศาสตร์] สหรัฐอเมริกาเลือกตั้งประธานาธิบดีกันอย่างไร

ช่วงนี้กำลังมีข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ หลายคนอาจจะสงสัยกันว่าเขาเลือกตั้งกันยังงัย เพราะฟังจากในข่าวแล้วดูซับซ้อนหลายขั้นตอนจัง (ซับซ้อนหลายขั้นตอนจริงๆ) งั้นมาเริ่มทำความเข้าใจระบอบการเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกากันครับ

ประเทศสหรัฐอเมริกา ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แบบมีประธานาธิบดี เป็นประมุขของรัฐ (Head of state) และเป็นหัวหน้ารัฐบาลด้วย (Head of government) ดังนั้นประธานาธิบดีจึงเป็นตำแหน่งสูงสุดของประเทศ มีวาระการดำรงตำแหน่งวาระละ 4 ปี ตำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระ ซึ่งประธานาธิบดีคนปัจจุบันคือ บารัค โอบามา ตำรงตำแหน่งครบ 2 วาระแล้ว จึงไม่สามารถลงสมัครได้อีก

ประเทศสหรัฐอเมริกา มีระบบพรรคการเมืองแบบ 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคเดโมแครต (Democratic Party) และพรรคริพับลิกัน (Republican Party) ซึ่งแต่ละพรรคจะทำการสรรหาตัวแทนของพรรคด้วยการเลือกตั้งขั้นต้นหรือที่เรียกว่า Primary Election ซึ่งจะมี 2 แบบคือ Primary และ Caucus (ไม่ขอลงรายละเอียด เพราะแต่ละรัฐจะมีวิธีที่แตกต่างกันไป ค่อยข้างซับซ้อนพอสมควร) จากการสรรหาตัวแทนของ 2 พรรคใหญ่ที่ผ่านมาปรากฎว่า

  • นางฮิลลารี คลินตัน ได้เป็นตัวแทน พรรคเดโมแครต (Democratic Party)
  • นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นตัวแทน พรรคริพับลิกัน (Republican Party)

วันเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาได้กำหนดไว้ว่า วันเลือกตั้งประธานาธิบดีจะตรงกับวันอังคารที่อยู่หลังวันจันทร์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน (เงื่อนไข อ่านแล้วงงพอสมควร) ดังนั้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้จึงตรงกับวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2016 เมื่อถึงวันเลือกตั้ง พลเมืองสหรัฐอเมริกาก็จะไปออกเสียงเลือกตั้งตามพื้นที่ที่ตนมีสิทธิอยู่ ซึ่งแต่ละรัฐมีรูปแบบการลงคะแนนที่แตกต่างกันบ้างบางอย่าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเหมือนกัน

การเลือกตั้งของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นแบบการเลือกตั้งทางอ้อม (ไม่ใช่การเลือกตั้งทางตรงอย่างที่บางคนอาจจะเข้าใจผิด) คือ พลเมืองจะออกไปลงคะแนน หรือที่เรียกว่า Popular Vote เพื่อให้ได้คณะผู้เลือกตั้งหรือที่เรียกว่า Electoral College ของแต่ละรัฐ ซึ่งในแต่ละรัฐมีจำนวนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรของแต่ละรัฐ ถ้าผู้สมัครคนใดได้คะแนน Popular Vote (คะแนนที่พลเมืองออกไปลงคะแนนเลือกตั้ง) มากที่สุดในรัฐนั้น ก็จะได้จำนวนคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งทั้งหมดของรัฐนั้นไปเลย เรียกว่า Winner Take All

คณะผู้เลือกตั้งทั้งประเทศรวมทั้งหมดจะมีจำนวน 538 เสียง ดังนั้นคีย์หลักจะอยู่ที่คณะผู้เลือกตั้งนี้แหละครับ เพราะคนที่จะไปเลือกประธานาธิบดีจริงๆ คือ คณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งการเลือกดังกล่าวจะเรียกว่า Electoral Vote หากผู้สมัครคนใดได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 270 เสียงก่อนผู้นั้นก็เป็นผู้ชนะ ได้ดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่ ของประเทศสหรัฐอเมริกา

08/11/2016
Dulloh

Apple เปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่มาพร้อม Touch Bar สุดเจ๋ง!

สรุปงานคืนนี้ Apple เปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่มาพร้อม Touch Bar สุดเจ๋ง!

มี 3 รุ่นหลัก

  • 13 นิ้ว ไม่มี Touch Bar
  • 13 นิ้ว มี Touch Bar
  • 15 นิ้ว มี Touch Bar

มี 2 สี

  • เงิน
  • สเปซเกรย์

ราคา (แพงขึ้นเยอะมาก!)

  • 13 นิ้ว 256GB ไม่มี Touch Bar ราคา 56,900 บาท
  • 13 นิ้ว 256GB มี Touch Bar ราคา 67,900 บาท
  • 13 นิ้ว 512GB มี Touch Bar ราคา 74,900 บาท
  • 15 นิ้ว 256GB มี Touch Bar ราคา 89,900 บาท
  • 15 นิ้ว 512GB มี Touch Bar ราคา 105,900 บาท

ฟีเจอร์ใหม่ๆ เพียบ!

  • ขนาดบางลงกว่าเดิม 17%
  • น้ำหนักเบาลง 20%
  • มี TrackPad ใหม่ใหญ่ขึ้น 2 เท่า และแป้นพิมพ์ใหม่
  • มีแถบจอสัมผัสใหม่บนแป้นพิมพ์ มีชื่อว่า Touch Bar (ใหม่ล้ำมาก!)
  • Touch Bar ช่วยให้ใช้งานต่างๆ ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
  • พื้นที่ปุ่ม F1-12 เปลี่ยนไปเป็น Touch Bar โดยแต่ละแอปพลิเคชันจะแยกกันไป
  • ในเวลาทั่วไป แถบ TouchBar บน MacBook Pro จะมีส่วนเสริมสำหรับแป้นพิมพ์ ปุ่มแทนที่ของเดิม แนะนำคำ และ เลือก Emoji ได้งาม ๆ
  • เมื่อใช้ Touch Bar กับแอปแต่งภาพ ตัดต่อวิดีโอ แถบนี้จะโชว์ตัวอย่างภาพ ฟิลเตอร์ ฯลฯ ให้แตะเลือกสั่งงานได้ทันที
  • Touch Bar ปรับแต่งได้ตามใจ ลากลงมาจากหน้าจอทะลุมาที่จอได้เลย
  • Touch Bar รองรับการใช้งานโปรแกรมหลักๆของเครื่อง Mac ครบ
  • ครั้งแรกกับ Touch ID บนเครื่อง Mac
  • ซื้อของผ่าน Apple pay ก็ใช้นิ้วสแกนนิ้วได้เลย ไม่ต้องง้อ iPhone
  • CPU ใหม่แรงกว่าเดิม 130% พลัง CPU Core i5/i7
  • มาพร้อมจอที่ดีที่สุดของ Mac
  • เก็บข้อมูลลง SSD Superfast ซึ่งเร็วกว่าเดิม 2 เท่า
  • ระบบระบายอากาศและเสียงแบบใหม่ ลำโพงดังกว่าเดิม 2 เท่า
  • พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. ที่หลายคนคิดถึงยังคงอยู่
  • มีพอร์ต USB-C 4 พอร์ต
  • Final Cut Pro เวอร์ชั่นใหม่รองรับ Touch Bar
  • Photoshop ก็รองรับ Touch Bar
  • Dj Pro ก็รองรับ Touch Bar
  • Microsoft Office ก็รองรับ Touch Bar
  • Touch Bar สามารถกดรับสายโทรเข้าได้เลย
  • MacBook Pro บางกว่า MacBook Air เป็นที่เรียบร้อย
  • MacBook Pro ใช้งานแบตเตอรี่นาน 10 ชั่วโมง

รีวิว แกะกล่อง iPhone 7 Jet Black 128GB

วันที่ 21 ตุลาคม 2559 เป็นวันแรกที่ Apple เปิดขาย iPhone 7 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ซื้อ iPhone 7 Jet Black (สีดำเงา) ความจุ 128 GB มาแล้ว  มาแกะกล่องให้ดูว่าข้างในมีอะไรบ้าง

มาเริ่มจากตัวกล่องบรรจุภัณฑ์กันก่อนเลยครับ

img_0563

ผมซื้อ iPhone 7 Jet Black หรือสีดำเงา (สีดำสนิท) ตัวกล่องจะพิเศษกว่าสีอื่นๆ เพราะตัวกล่องจะเป็นสีดำด้วย แต่ถ้าเป็นสีอื่นๆ ตัวกล่องจะเป็นสีขาว ด้านบนกล่องจะมีรูป iPhone 7 สีดำอยู่ด้วย เรียกได้ว่าดำทั้งกล่อง รวมทั้งข้อความและโลโก้ Apple ด้วย

img_0567

ด้านหลังกล่องจะบอกข้อมูลผลิตภัณฑ์ว่าเป็น iPhone 7 Jet Black 128GB (สีนี้จะมีแค่รุ่น 128GB ขึ้นไป) รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่รวมมาในกล่องด้วย บอกหมายเลข Serial No. หมายเลข IMEI วันเดือนปีที่ผลิต และข้อมูลอื่นๆ

img_0610

ขยายด้านหลังจะได้อ่านกันชัดๆ

img_0607

มาเปิดกล่องดูข้างในกันดีกว่า

img_0599

ภายในกล่องจะประกอบด้วย ตัวเครื่อง iPhone 7 Jet Black (สีดำ), คู่มือ, เข็มจิ้มถาดรองซิม (SIM tool), หูฟัง (EarPods), หัวชาร์จ (Adapter), สายชาร์จ (Lightning to USB), สติกเกอร์ Apple

img_0579

ตัวเครื่อง iPhone 7 Jet Black (สีดำ)

img_0603

หูฟัง (EarPods,) แบบใหม่ มาพร้อมพอร์ต Lightning (เสียดายกล่องใส่หูฟังเป็นแค่กระดาษธรรมดา ไม่ได้ดูดีเหมือนรุ่นก่อนๆ แล้ว)

img_0583

ถ้าหากใครมีหูฟังแบบเดิมรุ่นดีๆ แพงๆ ด้านหลังกล่องหูฟัง Apple จะแถมพอร์ตสำหรับแปลงจากพอร์ต แจ็ค 3.5 mm เดิม ไปเป็นพอร์ต Lightning (จะดีใจดีไหมเนี๊ยะ!)

img_0585

หัวชาร์จ (Adapter), สายชาร์จ (Lightning to USB)

img_0597

คู่มืออธิบายผลิตภัณฑ์, เข็มจิ้มถาดรองซิม (SIM tool)

img_0576

สติกเกอร์ Apple

img_0574

มาลองเปิดเครื่องกันดู

img_0602

มุมมองจากด้านหน้า ขณะที่ยัง Lock Screen

img_0525

มุมมองด้านหลัง สี Jet Black สวยงามน่าหลงใหลมาก! (ขออภัยรูปภาพอาจจะไม่ค่อยชัดบาง เนื่องจากแสงน้อย แล้วตัว iPhone เป็นสีดำเงา ถ่ายรูปยากมากครับ)

img_0549

สังเกตตรงโลโก้รูปแอปเปิ้ล รุ่นนี้จะทำเป็นพิเศษโดยใช้สีดำเหมือนกับตัวเครื่องด้วย ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ

img_0538

มุมมองจากด้านล่าง iPhone 7 จะเหลือเพียงช่องเสียบสายชาร์จ Lightning และลำโพงเท่านั้น โดย Apple ได้ตัดช่องเสียบหูฟังออกไป (เพื่อ?)

img_0553

ถ้าต้องการใช้หูฟัง ก็ต้องมาเสียบที่ช่อง Lightning (ช่องเสียบหูฟังใช้ร่วมกับช่องเสียบสายชาร์จ)

img_0626

มุมมองจากด้านบนจะเห็นกล้องมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นที่ผ่านๆ มา กล้องมีความละเอียด 12 ล้านพิเซล f/1.8 และไฟแฟลช (Flashlight) ที่สว่างกว่าเดิมมาก

img_0628

ขอจบการรีวิวแกะกล่อง iPhone 7 เพียงแค่นี้ก่อนครับ แล้วเจอกันรีวิวถัดไป…

รีวิว แกะกล่อง iPhone 6s Rose Gold 64GB

หลังจากที่ซื้อ iPhone 6s Rose Gold (สีชมพู) ความจุ 64 GB มาแล้ว มาแกะกล่องให้ดูว่าข้างในมีอะไรบ้าง

มาเริ่มจากตัวกล่องบรรจุภัณฑ์กันก่อนเลยครับ

img_8542

ผมซื้อ iPhone 6s Rose Gole หรือสีชมพู ตัวกล่องจะเป็นสีขาวครับ ด้านบนจะมีรูปเครื่อง iPhone Rose Gole ที่มีรูป Wallpaper เป็นปลากัดสีส้มครับ ด้านข้างกล่องเขียนว่า iPhone 6s

img_8544

ด้านหลังกล่องจะบอกข้อมูลผลิตภัณฑ์ว่าเป็น iPhone 6s Rose Gold 64GB รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่รวมมาในกล่องด้วย บอกหมายเลข Serial No. หมายเลข IMEI วันเดือนปีที่ผลิต และข้อมูลอื่นๆ

img_8577

ขยายด้านหลังจะได้อ่านกันชัดๆ

img_8579

มาเปิดกล่องดูข้างในกันดีกว่า

img_8545

ภายในกล่องจะประกอบด้วย ตัวเครื่อง iPhone 6s Rose Gold (สีชมพู), หูฟัง (EarPods), หัวชาร์จ (Adapter), สายชาร์จ (Lightning to USB), เข็มจิ้มถาดรองซิม (SIM tool), คู่มือ, สติกเกอร์ Apple

img_8550

ตัวเครื่อง iPhone 6s Rose Gold (สีชมพู)

img_8563

หูฟัง (EarPods,) หัวชาร์จ (Adapter), สายชาร์จ (Lightning to USB)

img_8564

เข็มจิ้มถาดรองซิม (SIM tool)

img_8555

คู่มืออธิบายผลิตภัณฑ์

img_8558

สติกเกอร์ Apple

img_8557

มาลองเปิดเครื่องกันดู

img_8493

มุมมองจากด้านหน้า ขณะที่ยัง Lock Screen

img_8501

มุมมองจากด้านหน้า ขณะที่เข้ามายังหน้า Home

img_8502

มุมมองด้านหลัง สี Rose Gold สวยมาก!

img_8510

สังเกตตรงคำว่า iPhone รุ่นนี้จะมีตัว S อยู่ด้วย บ่งบอกว่าเป็น iPhone รุ่น S

img_8519

มุมมองจากด้านล้างมีช่องเสียบสายชาร์จ Lightning ช่องเสียบหูฟัง และลำโพง

img_8525

มุมมองด้านข้าง ฝั่งที่ใส่ SIM และปุ่มเปิด/ปิด (Power)

img_8523

มุมมองด้านข้างฝั่งปุ่ม เพิ่ม/ลด เสียง และปุ่มสั่น

img_8526

มุมมองจากด้านบนจะเห็นกล้องนูนหรือปูดขึ้นมา กล้องมีความละเอียด 12 ล้านพิเซล และไฟแฟลช (Flashlight)

img_8528

มุมมองด้านหลังช่วงบน จะเห็นกล้องและไฟแฟลช

img_8529

มาลองฟีเจอร์ใหม่ 3D Touch เริ่มมีครั้งแรกใน iPhone 6s

img_8536

ขอจบการรีวิวแกะกล่อง iPhone 6s เพียงแค่นี้ก่อนครับ

img_8592

เปิดขาย iPhone 7 พร้อมราคาโปรโมชั่นในประเทศไทย

ราคา iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ของทั้ง 3 ค่ายโทรศัพท์มือถือ Truemove-H, dtac, AIS ออกมาแล้วครับ ตอนนี้ราคาข่าวเครื่องเปล่าเท่ากันทั้ง 3 ค่ายเลยครับ ส่วนที่แตกต่างกันจะเป็นราคาเครื่องพร้อมแพ็จเกจครับ

ราคาเครื่องเปล่า iPhone 7 ของทุกค่าย

32 GB 128 GB 256 GB
TrueMove H 26,500 30,500 34,500
dtac 26,500 30,500 34,500
AIS 26,500 30,500 34,500
Apple Online 26,500 30,500 34,500


ราคาเครื่องเปล่า iPhone 7 Plus ของทุกค่าย

32 GB 128 GB 256 GB
TrueMove H 31,500 35,500 39,500
dtac 31,500 35,500 39,500
AIS 31,500 35,500 39,500
Apple Online 31,500 35,500 39,500


TrueMove H

Print
คำนวณราคา iPhone 7 พร้อมแพ็กเกจของ TrueMove H

699 899 1,099
32 GB ราคาเครื่อง 23,500 20,500 18,500
ส่วนลด 3,000 6,000 8,000
ชำระบริการล่วงหน้า 1,500 3,000 4,000
10 เดือนแรก เดือนละ 549 599 699
เดือน 11-12 เดือนละ 699 899 1,099
รวมทั้ง 12 เดือน 6,888 7,788 9,188
จำนวนที่ต้องจ่ายวันรับเครื่อง 25,000 23,500 22,500
รวมค่าเครื่องและ
ค่าบริการทั้ง 12 เดือน
31,888 31,288 31,688
128 GB ราคาเครื่อง 27,500 24,500 22,500
ส่วนลด 3,000 6,000 8,000
ชำระบริการล่วงหน้า 1,500 3,000 4,000
10 เดือนแรก เดือนละ 549 599 699
เดือน 11-12 เดือนละ 699 899 1,099
รวมทั้ง 12 เดือน 6,888 7,788 9,188
จำนวนที่ต้องจ่ายวันรับเครื่อง 29,000 27,500 26,500
รวมค่าเครื่องและ
ค่าบริการทั้ง 12 เดือน
35,888 35,288 35,688
256 GB ราคาเครื่อง 31,500 28,500 26,500
ส่วนลด 3,000 6,000 8,000
ชำระบริการล่วงหน้า 1,500 3,000 4,000
10 เดือนแรก เดือนละ 549 599 699
เดือน 11-12 เดือนละ 699 899 1,099
รวมทั้ง 12 เดือน 6,888 7,788 9,188
จำนวนที่ต้องจ่ายวันรับเครื่อง 33,000 31,500 30,500
รวมค่าเครื่องและ
ค่าบริการทั้ง 12 เดือน
39,888 39,288 39,688

เงื่อนไข

  • สำหรับลูกค้าใหม่ ลูกค้าปัจจุบันทรูมูฟ เอช ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม หรือลูกค่าเปลี่ยนจากเติมเงินเป็นรายเดือน
  • ชำระค่าบริการล่วงหน้าก่อน 50% ของส่วนลด โดยหักเป็นส่วนลดค่าแพ็กเกจรอบบิลละเท่าๆ กัน 10 เดือน
  • ระยะสัญญา 12 เดือน กรณียกเลิกก่อนหมดสัญญา ต้องจ่ายคืนส่วนลดค่าเครื่องที่ได้รับ
  • รับฟรีทรู แบล็กการ์ด เมื่อสมัครแพ็กเกจ 1099 ขึ้นไป
  • ดูข้อมูล iPhone 7 จากทรูมูฟ เอช เพิ่มเติ่มได้ที่ booking.truecorp.co.th/iphone7

สรุป

  • เนื่องจากทรูมูฟ เอช ได้ระบุว่าโปรโมชั่นซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจนั้นสามารถใช้ 4G+ Unlimited ใช้เน็ต 4G ได้เต็มสปีดแบบไม่จำกัด และไม่ลดสปีด เหมือนกันทุกแพ็กเกจ (เฉพาะ iPhone 7 เท่านั้น) แสดงว่าการใช้งานทางด้านเทคนิคเหมือนกันหมด จึงสามารถคำนวณเปรียบเทียบราคาแต่ละแพ็กเกจได้เลย
  • จากการคำนวณรวมค่าเครื่อง ค่าชำระบริการล่วงหน้า และค่าบริการทั้ง 12 เดือน ได้ยอดรวมสุทธิแต่ใกล้เคียงกันมากต่างกันแค่ 200 – 600 ถือว่าคนที่ออกแบบโปรโมชั่นนี้สุดยอดมากเลยครับ เพราะมองเห็นตัวเลขส่วนลดตอนแรกห่างกันเยอะมากๆ แต่ยอดรวมสุดท้ายจากการคำนวณทั้งหมดแล้วต่างกันนิดเดียวเอง
  • ถ้าต้องการเลือกแบบได้ราคาถูกสุดๆ เลยก็เลือกแพ็กเกจ 899 ครับ เพราะว่าถูกกว่าแพ็กเกจ 1,099 อยู่ 400 บาท ถูกกว่าแพ็กเกจ 699 อยู่ 600 บาท
  • ถ้าหากต้องการสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมก็เลือกแพ็กเกจ 1,099 เพราะจะได้รับบัตรทรู แบล็กการ์ด ฟรี!

dtac

iphone7-dtac-price

ดูข้อมูล iPhone 7 จากดีแทค เพิ่มเติ่มได้ที่ preorder.dtac.co.th/iphone7

AIS

iphone7-ais-price

ดูข้อมูล iPhone 7 จากเอไอเอส เพิ่มเติ่มได้ที่ www.ais.co.th/iphone7